วันพุธที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

บึงสีไฟ

      บึงสีไฟ เป็นแหล่งน้ำจืดขนาดใหญ่ของประเทศไทย ตั้งอยู่ในจังหวัดพิจิตร โดยเป็นแหล่งน้ำขนาดใหญ่เป็นอันดับห้าของประเทศ รองจาก บึงบอระเพ็ด ทะเลสาบหนองหาน บึงละหานและ กว๊านพะเยา ตามลำดับ โดยบึงสีไฟมีเนื้อที่ 5,390 ไร่ ซึ่งลดลงมาภายหลังจากการสร้างเขื่อนสิริกิติ์ ที่เดิมบึงสีไฟมีเนื้อที่มากกว่า 10,000 ไร่ บึงสีไฟเป็นแหล่งเพาะพันธุ์สัตว์น้ำจืด แหล่งอาศัยของนกหลายชนิด และยังเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจที่สำคัญของจังหวัดพิจิตรด้วย

วันพุธที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

อ่างเก็บน้ำจักรพงษ์

    อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่อยู่บริเวณเชิงเขาอีโต้ ซึ่งเป็นอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ที่อยู่ท่ามกลางความเป็นธรรมชาติ จากปากทางเข้าอ่างเก็บน้ำให้เลี้ยวซ้ายจะมีถนนขึ้นไปจนถึงยอดเขาเพื่อชมทัศนียภาพโดยรอบ ระยะทางประมาณ 11 กิโลเมตร และช่วงกิโลเมตรที่ 6 จะเป็น "เนินพิศวง" หรือ "เนินมหัศจรรย์"ยาวประมาณ 150 เมตร หากจอดรถแล้วปล่อยเกียร์ว่างไว้รถจะไหลขึ้นเนินได้ ซึ่งเกิดจากภาพลวงตาจากภูมิประเทศโดยรอบ 

เมืองโบราณสถานเมืองศรีมโหสถ

    เมืองโบราณสมัยทราวดีขนาดใหญ่ มีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้ามุมมน ภายในเมืองมีโบราณสถาน เนินดิน สระน้ำ บ่อน้ำกระจัดกระจายกว่า 100 แห่ง โบราณสถานที่สำคัญในเมืองศรีมโหสถประกอบด้วยกลุ่มโบราณสถานกลางเมือง เป็นหมู่เทวาลัย ฐานก่อด้วยศิลาแลง ด้านบนก่อด้วยอิฐ ด้านหลังมีบ่อน้ำก่อด้วยศิลาแลง โบราณวัตถุที่ขุดพบ ได้แก่ เทวรูปต่าง ๆ และเศษเครื่องปั้นดินเผา สมัยลพบุรี สุโขทัย อยุธยา และรัตนโกสินทร์ และโบราณสถานสระแก้ว เป็นโบราณสถานที่เป็นสระน้ำโบราณ สระน้ำขุดลงไปในชั้นของศิลาแลงธรรมชาติ ตัวสระเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส มีทางลงทำเป็นขั้นบันได ผนังขอบสระทุกด้านมีการแกะสลักภาพนูนต่ำเป็นรูปสัตว์ต่างๆ เช่น รูปช้าง สิงห์ หมู กินรี งูพันเสา สัตว์เหล่านี้เป็นสัตว์ชั้นสูง สถานแห่งนี้เหมาะเป็นอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่มีความสนใจในโบราณสถาน เป็นตำราความรู้นอกห้องเรียนที่ดีที่สุดแห่งหนึ่ง

น้ำตกเขาอีโต้


     ตั้งอยู่ที่ตำบลบ้านพระ ลักษณะน้ำตกเป็นลำธารน้ำที่ไหลผ่านโขดหินน้อยใหญ่ลดหลั่นเป็นชั้น ๆ สภาพทั่วไปเป็นป่าโปร่ง จุดเด่นของน้ำตกเขาอีโต้นั่นคือนักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปนั่งพักผ่อนตามแนวโขดหินของตัวน้ำตก เพื่อสัมผัสกับสายน้ำที่ไหลผ่านตลอดแนวหิน อีกทั้งภายในตัวน้ำตกมีต้นไม้ขนาดใหญ่ที่คอยทำหน้าที่ให้ร่มเงา นักท่องเที่ยวจึงสามารถเลือกมุมสำหรับนั่งพักผ่อนได้ตามใจชอบ ที่นี่ยังมีจุดชมวิวผาหินซ้อน มีลักษณะเป็นหน้าสูง สามารถเดินขึ้นไปเพื่อชมทัศนียภาพเมืองปราจีนบุรี และชมความสวยงามของพระอาทิตย์ขึ้นและตกดิน มีสายลมเย็น ๆ ที่โบกมาทักทาย ช่วยให้การพักผ่อนของเราผ่อนคลายได้มากขึ้นเลยทีเดียว

อุทยานแห่งชาติทับลาน

    ด้วยลักษณะภูมิประเทศของอุทยานแห่งชาติทับลานที่ประกอบด้วยภูเขาน้อยใหญ่สลับต่อเนื่องเป็นบริเวณกว้าง ทำให้ภูมิทัศน์ของอุทยานแห่งนี้มีความสวยงาม และเขียวชอุ่มไปด้วยต้นไม้นานาชนิด ทั้งยังเป็นแหล่งกำเนิดของต้นน้ำหลาย ทั้งนี้ภายในอุทยานมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมาย เช่น "เขามะค่า" ชมทัศนียภาพทิวทัศน์บนภูเขาที่สวยงาม, "เขื่อนลำปลายมาศ" มีกิจกรรมล่องเรือ ล่องแพ และสามารถลงเล่นน้ำได้, "น้ำตกบ่อทอง" เป็นน้ำตกที่สวยงามมากหากได้มาในช่วงฤดูฝน แวะชม "ป่าลาน" ป่าลานผืนใหญ่แห่งสุดท้ายของประเทศไทย มีต้นลานเป็นพันธุ์ไม้ดึกดำบรรพ์ในวงศ์ปาล์ม มีใบใหญ่เป็นรูปพัดคล้ายใบตาล และ "ผาเก็บตะวัน" ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถชมพระอาทิตย์ตกยามเย็น ทั้งยังเป็นที่ตั้งของหลักแบ่งเขตระหว่างจังหวัดปราจีนบุรีและจังหวัดนครราชสีมา เป็นต้น 

แก่งหินเพิง

    สถานที่ล่องแก่งยอดนิยมอันดับต้น ๆ ของเมืองไทย อยู่ภายในเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ในแต่ละปีจังหวัดปราจีนบุรีจะมีการจัด "เทศกาลล่องแก่งหินเพิง" ตลอดทุกช่วงฤดูฝน ยิ่งทำให้ชื่อเสียงการเล่นล่องแก่งที่ "แก่งหินเพิง" เป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวมากยิ่งขึ้น โดยแก่งหินเพิงมีลักษณะเป็นลำน้ำใสใหญ่ ต้นธารน้ำมีต้นกำเนิดจากยอดเขาใหญ่แล้วไหลเรื่อยมาจนถึงบริเวณแก่งหินเป็นระยะทางกว่า 80 กิโลเมตร แต่ส่วนที่นักท่องเที่ยวสามารถใช้เป็นกิจกรรมล่องแก่งได้เป็นระยะทางสั้น ๆ เพียงแค่ 3-4 กิโลเมตร ตรงบริเวณส่วนปลายของลำน้ำ โดยส่วนใหญ่แล้วเจ้าหน้าที่จะพายเรือยางของเราผ่านแก่งสำคัญ ๆ ได้แก่ แก่งหินเพิง, แก่งผักหนามล้อม, แก่งวังบอน, แก่งลูกเสือ, แก่งวังยาว, แก่งวังไทร และแก่งงูเห่า เป็นต้น 

พิพิธภัณฑ์อยู่สุขสุวรรณ์

         พิพิธภัณฑ์อยู่สุขสุวรรณ์ หรือพิพิธภัณฑ์ตะเกียง เป็นแหล่งรวบรวมข้าวของเครื่องใช้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง "ตะเกียง" ประเภทต่าง ๆ เป็นจำนวนมากกว่า 10,000 ดวง ซึ่งแขวนอยู่ทั่วบริเวณพิพิธภัณฑ์ ทั้งลานจอดรถ ห้องน้ำ ตลอดจนตามอาคารต่าง ๆ โดยมีจุดเริ่มต้นจากการที่เจ้าของพิพิธภัณฑ์รับซื้อของเก่าพวกเหล็ก เศษโลหะ หนึ่งในเศษเหล็กเหล่านั้นดันมีตะเกียงเจ้าพายุติดมาด้วย จนมีผู้สนใจเริ่มมาสอบถามและให้ราคาที่ค่อนข้างสูง หลังจากนั้นจึงได้เก็บสะสมและรวบรวมเพื่อจัดแสดงไว้ในพิพิธภัณฑ์ โดยแบ่งเป็น 4 อาคารหลัก ๆ ได้แก่ อาคารราชาวดี อาคารลีลาวดี อาคารชวนชม และอาคารเจ้าพายุ ซึ่งในแต่ละตัวอาคารจะจัดแสดงข้าวของเครื่องใช้โบราณต่าง ๆ แต่เมื่อแหงนหน้ามองขึ้นไปยังเพดาน พื้นที่แทบทุกตารางนิ้วถูกจับจองด้วยตะเกียงเจ้าพายุ ที่ผลิตจากทั่วทุกมุมโลก และรวบรวมไว้ให้เราได้ชมที่นี่ที่เดียว